Author - Alisa

[Review] ###### รีวิว Arno’s Butcher and Eatery นราธิวาสซอย 20 – เนื้อดีๆ ราคาเป็นมิตร ######

Bloggang.com : สาวไกด์ใจซื่อ : ###### รีวิว Arno's Butcher and Eatery นราธิวาสซอย 20 - เนื้อดีๆ ราคาเป็นมิตร ######
###### รีวิว Arno's Butcher and Eatery นราธิวาสซอย 20 - เนื้อดีๆ ราคาเป็นมิตร ######







สวัสดีค่าาาา







สำหรับวันนี้จะมาพาไปกินเนื้อและอื่นๆ กับร้านที่ได้ยินชื่อมานานมาก แต่เพิ่งจะได้ไปค่ะ เป็นการซื้อดีลและแลกแต้มรีวิวในช่วงของ Bangkok Restaurant Week ของเว็บๆ หนึ่งเช่นเคยนะคะ กับร้าน Arno's Butcher and Eateryนั่นเองงงงง

พิกัดร้านอยู่ในซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 20 นะคะ









ตอนเราไป ลานจอดรถข้างร้านเต็มซะงั้นค่ะ (ดีลตัวนี้ต้องไปใช้ตอนสองทุ่มง่ะ) เลยต้องวนไปอีกซอย แล้วไปจอดข้างทาง ใกล้ๆ สนามบาสเก็ตบอลอะค่ะ

ถ้าใครไป เราแนะนำให้ไปเร็วหน่อยนะคะ (ถ้าเอารถไปน่ะนะ) จะได้มีที่จอดรถค่ะ








เข้าไปในร้าน ทางโซนซ้ายมือจะเป็นโซนที่นั่งหลักๆ ของร้านเลยนะคะ จะมีทั้งห้องแอร์และเอาท์ดอร์ค่ะ









สำหรับการสั่ง ต้องเดินเข้าไปในอาคารทางขวามือนะคะ จะมีตู้โชว์เนื้อต่างๆ อยู่ค่ะ ให้เราได้ดูและเลือกว่าจะสั่งอะไรนะคะ จากนั้นก็สั่งให้เรียบร้อย (กรณีซื้อดีลอย่างเรา ก็สั่งแล้วให้ประทับตราให้เรียบร้อยด้วยค่ะ) แล้วค่อยไปที่โต๊ะค่ะ (เรารออีกพักเลยอ้ะ ขนาดจองโต๊ะไว้แล้วนะคะ คนเยอะมากๆ จริงๆ) เป็นอีกร้านที่ได้รับการรีวิวและกล่าวถึงในหลายสื่อนะคะ









ให้ดูหน้าตาค่ะว่ามีอะไรยังไงบ้างนะฮับ ยาวไปๆ











ซึ่งจุดเด่นของที่นี่ก็คือเนื้อวัว ซึ่งทางร้านทำ Dry Age ด้วยตัวเองนะคะ ยิ่งเวลาในการ Dry age นานเท่าไหร่ ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้นค่ะ

ส่วนราคาอาหารและออพชั่นอื่นๆ ก็จะตามภาพเลยค่ะ







ส่วนเครื่องดื่มก็มีให้ทั้งแบบมีแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์นะคะ ส่วนของหวานก็มีไอศกรีมแบบโฮมเมดด้วยนะคะ (ซึ่งแนะนำว่าห้ามพลาดเลยค่ะ)









เคาน์เตอร์ที่รับออเดอร์และประทับตราเวาเชอร์ ก็จะเป็นตรงนี้ค่ะ ชาวต่างชาติที่เห็นในภาพ (ฟังภาษาไทยออกนะคะ หุๆ) นี่คือเจ้าของร้านนะคะ คุณ Arno ค่ะ เป็นชาวฝรั่งเศสนะคะ แต่พูดภาษาอังกฤษได้ดีเลยหละค่ะ ถ้าใครพูดภาษาอังกฤษได้ ก็คุยกับเขาได้นะคะ อัธยาศัยดี และเอาใจใส่ลูกค้ามาก เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้วันนั้นแม้จะเจอหลายๆ อย่าง อิชั้นก็ไม่ปรี๊ดค่ะ แหะๆ







ค่ะ อย่างที่บอกว่า แม้จะจองโต๊ะแล้ว แต่ก็ยังไม่มีที่นั่งค่ะ เหอๆ ต้องมานั่งรออยู่พักหนึ่งเลย (ดีนะว่าแวะไปคาเฟ่แมวมาก่อนหน้านี้ อิชั้นเลยไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ แต่เกรงใจเพื่อนที่ชวนไปกินด้วยกันมากง่ะ) ดีว่ามีไวไฟให้ด้วย ก็เลยเล่นโน่นนี่รอไปพลางๆ ค่ะ ในจอนี่คือรายละเอียดของดีลร้านนี้นะคะ







ซึ่งดีลจะไม่รวมเครื่องดื่มค่ะ เราก็สั่งเครื่องดื่มไปนะคะ เพื่อนสั่งมะนาวโซดา (ซึ่งเป็นชเวปส์กระป๋องค่ะ) ส่วนเราสั่งโซดาเฉยๆ นะคะ soda 40 Schwepps 50 และน้ำแข็ง 20 บาทค่ะ







มาถึงช็อตเด็ดค่ะ

รอพักใหญ่ๆ อาหารก็ยังไม่มาค่ะ จนเจ้าของร้านมาถามว่า สั่งแล้วใช่มั้ย เราก็บอกว่าสั่งแล้ว สั่งตอนเจ้าหน้าที่ประทับตราเวาเชอร์เลย แต่ปรากฏว่า..ค่ะ ไม่มีการทำออเดอร์แต่อย่างใด คนที่รับออเดอร์ด้านใน (ผมสั้นๆ) ก็เลยออกมาพร้อมกับถามว่า จะสั่งอะไรคะ เราก็บอกว่า มีสองเวาเชอร์ ขอสั่งแบบไม่ซ้ำนะคะ คือ หอยลายกับขากบ... คุณเธอก็สวนเลยว่า แค่บอกว่าจานหลักเอาอะไรก็พอค่ะ เราก็แบบ..อ้าว แต่ก็บอกไปว่าเอาเนื้อแล้วก็ล็อบสเตอร์ค่ะ คุณเธอก็จดๆ จากนั้นก็ถามว่าแล้วสตาร์ตเตอร์เอาอะไร (หอยหลอด แล้วเมื่อกี๊ตรูจะบอกแล้วสวนมาก่อนทำไมฟระ) เราก็บอกว่าเอาไม่ซ้ำกันค่ะ ขากบกับหอยค่ะ คุณเธอก็พยักหน้าแล้วก็เดินไป เจ้าของเขาก็ดุนางค่ะ (ประมาณว่าทำงานพลาด ทำไมถึงกลายเป็นไม่ได้รับออเดอร์เราตั้งแต่แรก) เราก็ช่วยแก้ว่า ไม่ต้องไปว่าหรอก เพราะตอนที่สั่งตอนแรกไม่ได้สั่งกับคนนี้ เป็นอีกคน It's not her fault (แต่ที่จริงกรุ่นแล้วค่ะที่สวนมาแบบนั้นอ้ะ ไม่โอเคมากๆ) เพราะที่จริงตอนสั่งตอนแรกก็เป็นน้องผู้หญิงอีกคนค่ะ ที่เราบอกว่าเราเอาอะไรบ้างจากการใช้ดีลอ้ะ แต่น้องคนนั้นคงไม่ได้บอกกับคนรับออเดอร์ต่อให้น่ะค่ะ


สักพักซุปก็มาเสิร์ฟก่อนค่ะ สองตัว อันหนึ่งเป็นซุปทรัฟเฟิลซึ่งรสชาติเข้มข้นดีค่ะ แต่เค็มไปนิด ส่วนซุปเปปเปอร์ หอมพริกไทยมากๆ ค่ะ จัดเต็มมาเลยทีเดียว แต่ต้องกินตอนร้อนนะคะ เพราะถ้าเย็นแล้วจะเค็มค่ะ







ยังตักซุปไปไม่กี่คำ สตาร์ตเตอร์ก็มาเลยค่ะ (เราว่าเสิร์ฟกระชั้นไปง่ะ ปกติมันเป็นคอร์สๆ ควรรอเวลาสักนิดให้แต่ละอย่างมันได้กินพอควรไปก่อนสิคะ เง่อ) เป็นขากบค่ะ มาแบบไม่ค่อยร้อนและค่อนข้างจืดค่ะ แต่เนื้อนุ่มนวลแบบกบดีนะคะ







แล้วสตาร์เตอร์ของเพื่อนอิชั้นไม่ทันมา ขากบขาแรกอิชั้นยังกินไม่ทันหมดขา จานหลักมาแล้วค่ะ เย้ยยย กับเทนเดอร์ลอยด์ 300 กรัมค่ะ สั่งแบบมีเดียมแรร์ ก็ได้มาดังนี้นะคะ มาแบบอยู่ในจานร้อนเลยค่ะ เพราะงั้นถ้าทิ้งไว้นานก็จะยิ่งสุกไปเรื่อยๆ นะฮับ







เป็นจานที่ดีที่สุดในคอร์สที่เราเลือกเลยค่ะ เนื้อฟินมาก ดีงามสยามประเทศสุดๆ นุ่ม อร่อย หอม เวลาเคี้ยวตัวเนื้อกับฟันก็โอบรัดสู้กันกำลังดีค่ะ แล้วยิ่งเคี้ยว กลิ่นหอมของเนื้อก็ยิ่งพุ่ง ชอบมาก อร่อยสุดๆ ค่ะ







จากนั้นสตาร์ตเตอร์ของเพื่อนถึงมาค่ะ กับ Baby Clams นะคะ ตัวนี้ดีกว่าขากบของเราเยอะค่ะ หนึ่งคือมาตอนร้อน ตัวขนมปังก็อร่อย ส่งรสกับดีกับหอยค่ะ แต่อย่าปล่อยให้เย็นนะคะ เพราะขนมปังจะแข็งเลยแหละ







ต่อไปเป็นสิ่งที่ไม่ได้ปรากฏอยู่ในรายการเวาเชอร์ดีล (เช่นเดียวกับซุป) แต่อยู่ในคอร์สค่ะ กับผักโขมอบชีส มาแบบจานใหญ่พอควรสองจานค่ะ ซึ่ง...อิชั้นเพิ่งกินเนื้อไปแค่ชิ้นเดียววว เลยได้แต่ตักมาชิมหนึ่งคำ แล้วก็กินต่อไม่ทันก่อนเย็นค่ะ เพราะต้องให้ความสำคัญกับจานเนื้อก่อนง่ะ ตัวชีสเยอะดีค่ะ แต่ก็ไม่ได้ว้าวไปกว่าที่อื่นๆ นะคะ







จากนั้นจานหลักของเพื่อนก็มาค่ะ คือ ดีลนี้ถ้าไม่กินเนื้อก็สั่งเป็นล็อบสเตอร์ได้น่ะนะคะ น้ำจิ้มโอเคค่ะ ตัวเนื้อล็อบสเตอร์ไม่เด่นเท่าตัวเนื้อวัวนะคะ ออกแนวมาตรฐานทั่วไปมากกว่า และเพื่อนบอกว่าค่อนข้างเค็มค่ะ







ส่วนของหวานในเซ็ตเป็นไอศกรีมโฮมเมดค่ะ รสชาติมีให้เลือกตามนี้เลย ส่วนที่มีกากบาทคือหมดแล้ว (แง) ซึ่งก็เป็นรสยอดนิยมของร้านนี้แหละนะคะ

เรากับเพื่อนเลยเลือกแพสชั่นฟรุตกับโยเกิร์ตออเรนจ์นะคะ ซึ่งอร่อย รสชาติชัดเจน เข้มข้นทั้งสองตัวเลยค่ะ เป็นการปิดท้ายที่ดีมากนะคะ







ค่าใช้จ่ายที่จ่ายเพิ่มมีแค่ค่าน้ำดื่มกับน้ำแข็งค่ะ ร้อยกว่าบาทนะคะ ใช้บัตรเครดิตได้ แบ่งกันจ่ายก็ทำให้ได้ด้วยค่ะ แต่วันนั้นจ่ายเงินสดไปค่ะ แหะๆ







สรุปสำหรับร้านนี้นะคะ


แม้จะมีอะไรหลายๆ อย่างให้หงุดหงิด เช่น ออเดอร์หลุด โดนสวนตอนสั่งอาหาร จองแล้วยังต้องรอที่ อาหารเสิร์ฟเร็วเกินไปจนกินแต่ละอย่างไม่ทัน แต่ขณะเดียวกันก็มีสิ่งที่ดีงามคือ เจ้าของร้านที่เอาใจใส่มาก มาคอยถามตลอด (เจอเม้นท์ตรงๆ เราเข้าไป สีหน้าไม่ดีเลย ขออภัยฮ่ะ ) คอยดูแล ถามไถ่แขกตลอดจริงๆ ค่ะ พนักงานคนอื่นๆ ก็บริการดีนะคะ ตัวเนื้อวัวดีงามมากจริงๆ กับราคาแค่นี้ คุณภาพแบบนี้โอเคมาก ไอศกรีมก็อร่อย และสำคัญกับราคา 699+vat 7% = 748 บาท กับสิ่งที่ได้รับนี่ เราถือว่าคุ้มมากกกกกก ถ้ามีดีลตัวนี้ปล่อยมาอีก ก็จะสอยอีกแน่นอนค่ะ (แต่ทางร้านขา อย่าแบล็คลิสต์หนูนะ )



ถ้าท่านใดเป็นสาวกเนื้อ ก็เชียร์ให้ไปลองกันนะคะ คุณภาพคุ้มราคาจริงๆ ฮับ


Create Date : 09 สิงหาคม 2559
Last Update : 9 สิงหาคม 2559 8:32:43 น. Read more...

[Review] Arno’s Butcher and Eatery เค้าว่าเด็ดเลยต้องลอง By แก๊ซซ่า

Arno's Butcher and Eatery เค้าว่าเด็ดเลยต้องลอง By แก๊ซซ่า - Pantip

[CR] Arno's Butcher and Eatery เค้าว่าเด็ดเลยต้องลอง By แก๊ซซ่า

กระทู้รีวิว
ร้านลุงอาโนอยู่ในซอย นราธิวาส 20 มีที่จอดรถพอสมควรนะครับ
ถ้าจะไม่เอารถไปก็ไม่ลำบาก ผมนั่ง BTS ลงช่องนนทรี เดินมาขึ้นพี่วิน 40 บาท
ปลายทาง นราธิวาส20 พอเข้าซอยมาแล้วก็สัก 200 เมตรได้ อยู่ซ้ายมือ เจอป้อมยามก็เจอร้านครับ
การบ้านนี้เกิดขึ้นจากเพื่อนผม อยากพาภรรยาไปทาน ไหนๆก็จองโต๊ะเผื่อเลย แล้วก็รวมพลมาทานด้วยกัน
ก็ได้จองล่วงหน้าไว้ 4 สัปดาห์ กันพลาด ตอนแรกกะว่ามาได้ 8 คน เอาเข้าจริงติดงานกัน เลยเหลือ 6 คน
ชื่อสินค้า:   Arno's Butcher and Eatery
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
Read more...

[Article] Meet the chefs @ Arno’s Butcher & Eatery

I am text block. Click edit button to change this text. Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.

Meet the chefs @ Arno’s Butcher & Eatery | Hungry Hub
+66-62-827-4333 | จันทร์-ศุกร์ 09:00-20:00 หรือ LINE @Mr.Hungry [email protected]
>

hungryhub-meet-the-chef

The Butcher: A Forgotten Artist

When people think of artwork or an artist, normally, they picture Michael Angelo painting the Sistine Chapel, or Beethoven pounding away on his piano; however, there is one art form that many wouldn’t even think about until they eat it: butchery. It is an art form that has almost died out because of macro factory farms and processing plants or inexperienced “wannabe” butchers claiming they know the ancient process.

 

In France, you will find quite a few of these experienced butchers. With these people, butchery runs in their blood. The knowledge is passed down from father to son, father to son. When you watch an experienced butcher work, it’s the same as watching Michael Angelo carve out David piece by piece or every brush stroke Da Vinci put into the Mona Lisa. These people aren’t those imitation butchers that cut a piece of meat just any way from a carcass, but they know exactly which area of the meat to cut to get the best piece and know exactly how to prepare it before cooking.

Arnaud Carre—owner, butcher, and head chef of Arno’s Butcher & Eatery—came from a long lineage of professional butchers—5 generations to be exact. He grew up in Brittany, France watching his father carve away on many different carcasses with such delicacy. Arnaud came from an era where it was very common to follow your father’s footsteps and rarely did one wander far from the beaten path. Young Arnaud would travel around France and become an apprentice under the best butchers for no salary, only food and shelter just because he wanted gain the knowledge. Never did young Arnaud know that the skills and knowledge that his father had passed down to him would, eventually, lead him to be one of the best in the world at his craft.

“Those old-school French guys worked hard at the butcher block and came up with simple, delicious ways to cook some of these hard-won cuts — again, using what was cheap, what was leftover, what was around. These aren’t simple sirloins or porterhouses or T-bones, and the differences are not just a matter of translation. For all their flavor, these steaks demand more from [a] butcher.”—Anthony Bourdain[1] (wrote an article about French butchers and Arnaud Carre)

arnobutcherandeatery

Arnaud has had his dips and dabbles in some of the best restaurants in the world. He opened up one of the best butcheries in New York during the late ‘90s early 2000s under the name, The French Butcher. It had received much attention due to the way Arnaud prepared his meats. The picture on the left depicts a younger Arnaud at his butchery in downtown New York City with some of his delicate beef cuts. (picture taken by Rebecca Cooney of The New York Times) Also, he worked as the butcher at the famous French restaurant in New York named Les Halles. Les Halles was run by executive chef, author, and television personality Anthony Bourdain.

He spent 15 years in New York spreading his artwork and passion to hungry meat-lover Americans before he decided that he wanted to take on new challenges. Arnaud moved to Thailand—a country where beef eaters are hard to come by. Most Thais would choose chicken or pork over beef most days of the week. There is no proof of this, but I think that Thais don’t like beef because the way that they cure the beef in Thailand. Some beef is still fresh off the farm being air dried for 2-3 days before it is sold to the markets. Doing this makes for a subpar product.

Arnaud knew that there was a market here in Thailand for experienced butchers. He wants to change the mindset about Thai cuisine and prove to Thais that beef can be just as appetizing as pork or chicken. So, Arnaud and his friend Khun Supanit started Arno’s Butcher and Eatery. It has gained much attention within the Thai community very quickly. It has been open for only 6 months and there is almost a 3 week waiting list for a table to eat at their restaurant.

Arno’s Butcher and Eatery is not just like any steak joint in Bangkok. The customers are able to choose which meat they want to eat by going to the meat case just like shopping at the supermarket. Arnaud will then ask you a few questions about your preferences like “Do you like fat or no fat?” or “How tender do you like your meat?”. This way Arnaud will know exactly which piece of meat he will prepare for your perfect dinner.

arnobutcherandeatery

We at Hungry Hub tried to get some of Arnaud’s secrets about how he prepares his meats, but that was like “pulling teeth.” Some of his recipes have been passed down through his family for generations, some dating over 90 years old. There was no way he was going to give up those precious recipes for the whole world to know. He did tell us that he ages his beef up to 45 days and if it is a real exceptional piece of meat, then he will age it for more than that.

 

We asked if he is the one that is back in the kitchen cooking. He explained that he doesn’t do that much anymore because he doesn’t have much time. “Cutting and preparing the meat is almost, if not more important than the cooking itself. I have nobody that I trust enough to cut the meats and prepare for the cooking. This is why I am here every night cutting the meats and preparing them to be cooked.”

Arno’s Butcher and Eatery doesn’t just have beef. They supply customers with a wide variety of products at surprisingly low prices: fish, chicken, pork, oysters, river prawns, Norwegian salmon, Tuna, lobster, blue lobster. Arnaud said that the porterhouse and ribs are the signature dishes of the restaurant, and those are what many customers choose when dining.

The tomahawk and t-bone steaks start out at 1,200thb/kg and 1,500thb/kg for ribeye. This is by far the cheapest place you will find this quality in Bangkok. They also sell great sides to compliment your meat like baked potato, cheese-baked spinach, French fries, and more. Further, they have imported some great French wines that go very well with your meal.

Business is not slowing down at Arno’s Butcher and Eatery. Every week it keeps getting better and better. Arnaud stated that the night before our interview that they broke the week day record for dinners with 165. This means that everyone in the restaurant is working more efficiently. The staffs in the kitchen are getting used to cooking and their muscle memory is getting better. The hosts and servers are getting more efficient at table management to maximize the guests.

In the closing remarks of our interview, Arnaud stated something about life that relates to every person, and I will share it with you:Arno'sbutcherandEatery

“In life I succeed as much as I fail. You have to accept that you failed, but what counts, is how fast you get up. Understand that failure is not necessarily a bad thing because you learn [which way] doesn’t work. You learn that with any failure you always have a lot of things to learn. I think if we are that successful here [at Arno’s Butcher and Eatery] it’s because all the accumulation of failures and success brings us, [Khun Supanit] and I, to this place.” (Picture taken from Bangkok Voice[2])

Go and check out Arno’s Butcher and Eatery on Naratiwat soi 20. Book your table through Hungry Hub because you need to reserve well in advance. If you are a Citi Bank credit card holder, you can gain 2X cash back points for every booking. For more information about Hungry Hub restaurants or any suggestions please feel free to contact me at [email protected]

 

HungryHub_booknow

Read more...

[Review] [DINING] ARNO’S BUTCHER AND EATERY สเต็กเทพคุณภาพ 5 ดาว ในราคาหลักร้อยจากพ่อครัวที่ NYC

[DINING] Arno’s Butcher and Eatery สเต็กเทพคุณภาพ 5 ดาว ในราคาหลักร้อยจากพ่อครัวที่ NYC | Onnbaby's Blog
written by onnbaby October 16, 2015

สวัสดีวันศุกร์ค่ะสาวๆ

วันนี้ออนมาชวนสาวๆฟินแบบน้ำลายหยดไปด้วยกันกับ Blog นี้
และต้องขอโทษหากใครกินเจอยู่ด้วยนะคะ เมื่อเกือบๆเดือนก่อน
ออนได้ไปกินที่ร้าน Arno’s Butcher and Eatery ร้านสเต็กเนื้อที่เจ้าของร้าน
คุณ Arno มาเปิดเอง ทำเอง ขายเอง และที่สำคัญยัง Dry-aged เนื้อด้วยตัวเอง
จนได้เนื้อที่อร่อย นุ่ม ละมุนลิ้น พูดไปแค่นี้อาจจะยังไม่ตื่นเต้น แต่จะบอกว่า
คุณ Arno มาจาก New York มีประสบการณ์มากมาย แถวได้ลงนิตยสาร
หนังสือพิมพ์ที่อเมริกาหลายฉบับ บอกเลยว่าฝีมือไม่ธรรมดาค่ะ

DSC06376

Arno’s Butcher and Eatery
ร้านตั้งอยู่ที่ซ.นราธิวาสน์ 20 ตอนเลี้ยวเข้าไปซอยจะเล็กม๊ากกก
แต่จะมีคนช่วยโบกรถให้ ร้านตกแต่งเหมือนอยู่บ้าน ไม่ได้เป็นร้านหรูหราอะไร

ลืมกระซิบว่ากว่าจะได้กินร้านนี้ ช่วงนั้นที่ออนโทรไปจอง
ออนต้องจองล่วงหน้าถึง 2 อาทิตย์เลยทีเดียว เรียกว่าจองนานที่สุด นานกว่า
ร้านอาหาร 5 ดาวในโรงแรมซะอีก

DSC06377

เมื่อเข้ามาถึงที่ร้านหลังจากที่พนักงานแจ้งเบอร์โต๊ะให้แล้ว
เราก็ต้องเดินไปเลือกเนื้อที่ตู้ค่ะ โดยร้านจะเหมือนร้าน Butcher ขายเนื้อท่ัวๆไป
ซึ่งนอกจากเนื้อแล้ว ทางร้านก็ยังมีปลาแซลม่อน เนื้อแกะ กุ้งล็อปสเตอร์
และปลาหมึก ฯลฯ

ที่ร้านจะไม่ได้มีเมนูนะคะ เราเลือกเอาจากตู้เลย ว่าเราอยากได้เนื้อแบบไหน
ขนาดกี่กรัม หรือลองปรึกษาคุณ Arno ก็ได้ว่าเราชอบแบบนี้ จะแนะนำเนื้อแบบไหน

DSC06381

เมื่อสั่งเนื้อแล้วก็มาเลือกซอส และ Side dish กันค่ะ
วันนั้นออนเลือก Truffle sauce ส่วนแฟนออนเลือก Mushroom sauce ค่ะ
สำหรับ Side dish ที่เลือกมาแบ่งกันก็คือ Mashed potatoes หรือมันบดนั่นเอง

DSC06386

ภาพของในตู้ค่ะ
นอกจากเนื้อแล้วก็ยังมีอย่างอื่นด้วยน้า คราวหน้าว่าจะไปลองล็อปสเตอร์ค่ะ
อยากดูว่าจะเด็ดมั้ย

DSC06384

คุณ Arno ในนิตยสาร หนังสือพิมพ์ฝั่งทางอเมริกา

DSC06394

เมื่อมานั่งที่โต๊ะ กระดาษรองจานอาหารก็จะเป็นแบบนี้ค่ะ
มีแต่ละส่วนของน้องวัวบอกอธิบายไว้

DSC06401

เริ่มกันที่ Rump หรือ “สันนอก” ซึ่งส่วนนี้จะอยู่ตรงบั้นท้ายของวัวค่ะ
ปริมาณอยู่ที่ 445 กรัม ส่วนนี้จะไม่ค่อยมันมากเท่าไหร่ เพราะแฟนออนไม่เน้น
เนื้อติดมัน แต่ชอบเนื้อนุ่มๆ แน่นอนว่าความสุกคือระดับ Medium Rare ค่ะ

ออนลองทานส่วนนี้แล้ว อร่อยนะ ทั้งๆที่ออนชอบแบบติดมัน
แต่ขนาดไม่ติดมัน เนื้อยังนุ่ม ชุ่ม และละมุนสุดๆ เวลากินพร้อมกับ
Mushroom sauce นี่ใช้ได้เลย

DSC06412

ตามมาด้วยส่วนที่เรียกว่า Picanha จานนี้อยู่ที่ 390 กรัมค่ะ
ส่วนนี้หลายคนจะไม่ค่อยรู้จัก แต่ถ้าใครชอบกินร้านอาหาร Brazilian บ่อยๆ
น่าจะรู้จักกันแน่นอน ส่วนนี้จะเป็นส่วนตรงก้นเลย ดังนั้นจะมีไขมันเป็นก้อน
ใหญ่ๆอยู่ด้านบน ดังนั้นพอทำสเต็กออกมา เนื้อจะนุ่ม ละมุน ชุ่ม ละลายในปากมากๆ
ใครชอบเนื้อติดมัน แต่ไม่เลี่ยนแนะนำค่ะ อันนี้มันคือดีงาม ดีเว่อร์ ถูกปากสุดๆ
ออนจิ้มเนื้อตัวนี้ทานกับ Truffle sauce คืออร่อย และลองจิ้มสลับกับ
Mushroom sauce ของแฟนก็ดีงาม สรุปแล้วเนื้อมันอร่อย ทุกอย่างก็ดี๊ดี

DSC06415

นี่คือปริมาณเนื้อ
ถ้าสั่งเกตุจานด้านล่างคือเนื้อหายไปครึ่งนึงแล้วนะคะ
ถ้าใครทานเนื้อไม่เยอะ ก็บอกเค้าได้ค่ะว่าประมาณ 200-250 กรัมก็พอ
เพราะของแฟนออนก็ 400 กว่ากรัม ของออนก็ เกือบ 400 กรัม เพราะออนกับแฟน
คือมนุษย์กินเนื้อ ดังนั้นเรากินกันเยอะจริงๆ

DSC06409

นอกจากเนื้อแล้วก็เลยลองสั่ง Lamb Cutlets มาลอง 2 ชิ้น
ซึ่งตัวแกะเค้าจะหมัก Rosemary มาเบาๆ หมักกำลังดี ความสุกระดับ
Medium rare กินเปล่าก็อร่อย กินกับอะไรก็อร่อย บอกเลยว่า
นุ่มเทียบเท่าร้านในโรงแรม 5 ดาวเลยนะ แต่ราคานี่แบบเหยยยย..
ถูกกว่า Wine Connection อีก คือขายได้ไงงงงง????

DSC06418

อื้อหือออ so juicyyyyyy so red .. I die ของจริง
อันนี้คือส่วน Picanha ของออนค่ะ คือโอยยย โอยยยยย ไม่ต้องมีคำบรรยาย
ใดๆซักคำให้ลึกซึ้งเลยเนอะ

DSC06420

ส่วนนี่ก็มันบดเทพ
คืออร่อยมากกก อร่อยมากกกกจริงๆ น่าจะอร่อยเกือบๆที่สุดใน
ชีวิตที่เคยกินมา ทางร้านใช้มันบดจริง ไม่ใช่ Mashed potatoes powder
เพราะกินไปยังเจอเนื้อมันเป็นชิ้นอยู่ คลุกเคล้าด้วยเนย เนย ครีม
และอบด้วยชีส เวลากินชีสก็จะยืด หอม กลมกล่อม อร่อยมากกกกกก
ออนเป็นคนชอบกินมันบด คู่กับสเต็กหรือเนื้อแกะอยู่แล้ว ดังนั้นคือฟิน x 100

DSC06426

จะบอกว่าถ้ามาร้านนี้ต้องทำใจนิดนึงนะคะ
เพราะสเต็กใช้เวลาในการทำ ในการเตรียมต่างๆ บวกกับคนที่เยอะมาก
เพราะเต็มทุกรอบ (อย่างที่บอกว่าต้องนัดล่วงหน้า 2 อาทิตย์เนอะ) ดังนั้น
ไม่ควรมาตอนหิวๆ แต่ควรมาตอนยังไม่หิว เพราะกว่าอาหารจะมาก็จะ
ใช้เวลาประมาณ 30-45 นาทีเลย ดังนั้นหาอะไรรองท้องมา มาแบบสบายๆ
พออาหารมา ก็หิวพร้อมลุยพอดี

ในรูปนี้พอช่วงดึกๆ ลูกค้าซาลง ซักประมาณสามทุ่มครึ่ง
คุณ Arno จะเริ่มเดินมาทักทายลูกค้า ถามความพอใจต่างๆ เป็นกันเองมาก
แนวเชฟฝรั่งจริงๆ ที่เดินมาคุยกับลูกค้าด้วยตัวเอง ออนเลยขอถ่าย
รูปไว้ (แม้หน้าตัวเองจะซีดและโทรมจากการไปงานรับปริญญามาทั้งวันก็ตาม)
DSC06423

ปิดท้ายด้วยไอศกรีมโยเกิร์ตรสส้ม
อันนี้เป็นแนว Homemade คืออร่อยมาก ชอบรสชาติแบบนี้มานานแล้ว
แต่รสชาตินี้หากินยากจริง ที่ไทยเคยมีร้านนึงทำขาย แต่ก็เลิกทำไป เพราะ
คนขายบอกลูกค้าไม่กิน ส่วนออนนี่เป็นแนวชอบกินอาหารฝรั่งเป็นทุนเดิม
ดังนั้นเลยชอบกินอะไรรสชาติฝรั่งๆ และพอเจอไอศกรีมรสนี้คือดีใจมาก
ตามหามานาน อยากกินมานาน ได้กินแล้วววว

DSC06429

ปิดท้ายไปด้วยบิลราคาที่แสนจะตะลึง
เนื้อ 445 กรัม ราคา 600 กว่าบาท
เนื้อ 390 กรัม ราคา 600 กว่าบาท
เนื้อแกะ 2 ชิ้น ราคา 200 กว่าบาท

เหยยยยย คือขายได้ไง เนื้อคุณภาพขนาดนี้ ปริมาณขนาดนี้
ราคาเนื้อชิ้นนึงแบบต่ำๆก็ควรอยู่ที่ 1,500 ขึ้นไปได้แล้ว ด้วยคุณภาพ
และปริมาณ เพราะถ้ากินมื้อแบบนี้ในโรงแรม ยังไงก็ไม่ต่ำไปกว่า
4,000-5,000 แน่นอน แต่นี่ราคารวมกันออกมาคือไม่ถึง 2,000
พร้อมปริมาณและคุณภาพแบบแน่นมากกก

นี่มัน “เนื้อเทพ” ชัดๆ
ไปกินร้านสเต็กทั่วไปตามห้าง เนื้อคุณภาพแย่มากกกกกก แบบไม่ถึง 1 ดาว
ราคายัง 400 กว่าบาทแล้วเลย อันนี้คุณภาพโรงแรม 5 ดาว
ในราคา 600 กว่าบาท คือหาไม่ได้แล้วววววววว

ตอนกำลังจะเขียน Review นี้ แฟนบอกว่า
“เธอ..รีบจองลุง Arno ก่อน เดี๋ยวเธอ Review ไป ก็เต็มอีกอะ” นั่นนนน
เดี๋ยววันนี้จะรีบโทรจองล่วงหน้าก่อนเลย เดี๋ยวเต็ม เดี๋ยวโดนแย่งกิน
เดี๋ยวอดกิน

ยังไงวันนี้จบกันไปเท่านี้นะคะ
เจอกันใหม่ค่า

สวัสดีค่ะ

Disclaimer : This is a non-sponsored post. All opinions are my own.

Read more...

[Review] รีวิวร้าน STEAK ARNO’S BUTCHER AND EATERY แบบจมเขี้ยว

[CR] รีวิวร้าน STEAK ARNO’S BUTCHER AND EATERY แบบจมเขี้ยว

ร้าน STEAK ARNO’S BUTCHER AND EATERY ตอนนี้ดังมาก กระแสความสนใจเยอะ  

แต่บอกตามตรงว่าไม่ได้ไปเพราะกระแสเลย พอดีส่วนตัวกำลังไล่เก็บร้านที่มีเนื้อบ่มหรือ Dry aged ในบ้านเรา ซึ่งร้านนี้รู้ข้อมูลเมื่อเดือนก่อนหลังจากไปชิมเนื้อ Dry aged ร้านบังโต แต่ว่ามีผลทำให้ต้องรีบไปลอง เพราะกลัวว่าเนื้อบ่มที่เค้าว่าบ่มมานานถึง 72 วันมันจะหมด แล้วอดได้ลอง


ร้านนี้เจ้าของร้านเป็นคนฝรั่งเศส และเป็นคนทำเรื่องบ่มเนื้อ dry age เอง ที่นี่ไม่มีเมนูครับ เดินไปเลือกเนื้อที่อยากกิน เลือกขนาดเนื้อที่อยากทาน บอกเบอร์โต๊ะให้เค้าเขียน แล้วไปนั่งรอที่โต๊ะเลย

แกงค์ที่เราไปมีตัวหลัก 4 คน พร้อมแขกพิเศษที่หลักๆ ไปนั่งดูพวกเราชิมอีก 2 ท่าน ใช้เวลาสั่งและรอคิวราวๆ 40 นาที นั่งทานจริงราว 1 ชม.ครึ่ง แล้วต่อจากนั้นก็นั่งคุยเล่นผึ่งพุงกันจนเป็นแขกโต๊ะสุดท้ายที่กลับ เวลา 23.11


ถามว่าทำไมผมถึงตั้งหัวข้อว่า รีวิวร้าน STEAK ARNO’S BUTCHER AND EATERY แบบจมเขี้ยว ก็คงเพราะว่ารอบนี้จัดหนักมาก คือไปรอตั้งแต่เปิดร้าน เพื่อเลือกสั่งเนื้อทุกแบบที่มีในร้าน เลือกเนื้อชิ้นที่ดีที่สุดเพื่อลองชิมให้ครบๆ กันไปเลย แน่นอนว่าเอาไขกระดูกมาชิมด้วย  รวมทั้งตบทั้งไวน์แดง ไวน์ขาวที่มีอยู่ในร้านครบถ้วนกระบวนความ


งานนี้ ด้วยความที่บ้าเนื้อกันมาก เราก็เลยตั้งใจสั่งทานแต่เนื้อเป็นหลัก ไปถึงก็แบบว่าลังเล อยากชิมมันทุกแบบทุกชิ้นเลยนั่นแหละ (โลภมากๆ) ก็เลยตกลงทั้งก๊วนว่าเอางี้ไหม แทนที่จะสั่งแยก เราเปิดตี้สั่งรวมกันไหม แล้วสั่งมันทุกชิ้นทุกแบบเลย เอามาแบ่งกันชิม ไหนๆ มาแล้วจัดกันให้ครบเครื่องเต็มแมกซ์กันไปเลยดีกว่า บ้ามากขนาดจนที่พี่อีกคนที่ชวนไปทานด้วยตกลงเอาด้วยซัดทุกเมนู ชิมทุกจาน ซึ่งอร่อยมาก งานนี้มีแค่เนื้อกับเกลือและพริกไทเท่านั้น ลิ้มชิมรสสัมผัสรสชาติเนื้อกันแบบเต็มๆ เต็มปากเต็มคำ จมเขี้ยว เคี้ยวกันไม่ยั้ง หนุบหนับชิ้นโตๆ สะใจถ้วนหน้ากันทุกคน




ไม่พอครับ ไหนๆ ก็ไหน ๆ แล้ว  ก็ต้องสั่งไวน์กันให้ครบด้วยเลย คือ เราสั่งมาทั้งไวน์แดงและไวน์ขาวเลย แต่อันนี้เลือกสั่งมาอย่างละหนึ่ง เพราะเราไม่ได้มาชิมไวน์ เรามาชิมเนื้อ และถ้าอยากฟินให้จบมันก็ต้องลองกันหน่อยทั้งเนื้อทั้งไวน์ จัดเต็มชุดใหญ่ให้มันครบๆเลย ไหนๆมาแล้วกินให้มันจมเขี้ยวสุด ๆ ไปเลยจบแบบครบม้วนไม่คาใจครับ

สรุปรวม เนื้อเค้าอร่อย แนะนำว่าถ้าชอบแบบแรร์สั่งชิ้นโตชิ้นเดียวแล้วมาแบ่งกันทานสะใจกว่าสั่งชิ้นเล็กแล้วแยกทาน ที่นี่ย่างแบบแรร์ได้สะใจมาก ปล.เลือกไม่ได้นะครับ เค้าจะเลือกย่างมาแบบเหมาะกะเนื้อเค้าเอง พอดีชอบแบบแรร์อยู่แล้วเลยสะใจมาก ตำโต เนื้อชุ่มฉ่ำเต็มปาก ฟินมากๆเวลาเคี้ยว เพราะใครที่รู้จักเนื้อสาย dry aged จะรู้ว่า ทั้งกลิ่นและรสเนื้อมันจะเข้มข้นกว่าเนื้อปกติ ซึ่งมันทำให้สัมผัสรสชาติมันพาเราไปได้ไกลจมดิ่งไปกับกลิ่มหอมอบอวลของเนื้อที่ย่างจากเตาถ่าน และรสชาติเนื้อเต็มลิ้น และที่สำคัญพอเราเลือกชิ้นโต เราก็กัดชิ้นเนื้อเต็มคำแบบจมเขี้ยวสุดๆ ตบไวน์ขาวล้างปากแล้วไปชิมชิ้นอื่นต่อไปจนครบถ้วนทุกแบบ โอ้ นี่มันสวรรค์ของสายเนื้อชัดๆ นี่ถ้าฮิตมากๆ หวังว่าจะมีร้านที่รองรับสายเนื้อแบบนี้เพิ่มมากขึ้นเยอะ ๆ แล้วมาแข่งขันทำเนื้อบ่มดีดีให้คนชอบเนื้อทาน ในราคาไม่แพง ซึ่งจะเป็นสวรรค์ชัด ๆ เลิกงานมาแล้วได้ทานเนื้อแบบจมเขี้ยวแบบนี้ครับ

สรุปค่าใช้จ่ายรวมรอบนี้เราเยอะหน่อยนะครับ เพราะกินแบบวินาศสันตะโรมาก (ขนาดเจ้าของร้านยังเดินมาดูโต๊ะนี้เลยมันสั่งอะไรกันขนาดนี้) เพราะเพิ่งมีโต๊ะแรกที่สั่งมันทุกอย่างที่มีในร้านนี่แหละ ซึ่งก็ขอสักครั้ง สักทีซัดให้จมเขี้ยวกันไปเลยครับ (สายเนื้อด้วยกันคงเข้าใจ)



STEAK ARNO’S BUTCHER AND EATERY พิกัด ซอยนราธิวาส 20 หรือซอยโอฬาริก ใครไม่ใช้รถ ไปด้วยรถไฟฟ้าก็ไม่ยาก จากสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี ต่อรถบัส BTS 5 บาทตลอดสายมาลงที่ถนนจันทร์ เยื้องกับซอยนราธิวาส 22 เดินต่อไปอีกซอย จากปากซอยเดินเข้าไปลึกพอควร สัก 50-60 เมตร โดยประมาณ ไปครั้งแรกคงจะรู้สึกไกลหน่อย แต่พอคุ้นแล้วก็ไม่ยาก หรือจะเรียกแท็กซี่ไปก็ได้ ถ้าเอารถส่วนตัวไป ก็ไปเนิ่นๆ ครับ ที่จอดรถไปก่อนหาง่าย ไปช้าก็หายากขึ้นหน่อย
ชื่อสินค้า:   ร้าน STEAK ARNO’S BUTCHER AND EATERY
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
Read more...

[Review] รีวิวร้าน STEAK ARNO’S BUTCHER AND EATERY ราคาแบบบ้าแล้ว

[CR] รีวิวร้าน STEAK ARNO’S BUTCHER AND EATERY ราคาแบบบ้าแล้ว

ห็นว่าร้านนี้มาแรง ไปกินมาสักพักแล้ว ตอนแรกว่าจะไม่เขียน แต่ต้านทานกระแสไม่อยู่จริงๆ

วันที่ไป 18/08/2558

มื้อเย็นเวลา 19:30

ตอนนี้มีแต่คนพูดถึงร้าน steak Arno’s ซึ่งประแสตอบรับดีมากๆ ทุกคนที่ได้ไปกินจะมาเล่าต่อด้วยน้ำเสียงอันตื้นเต้น แบบว่าเธอต้องไป ตัวเบนเองก็ได้ยินมาจากลุงเพราะว่าเพื่อนลุงเป็นเจ้าของ เค้าเล่าว่าร้านนี้ Dry age เนื้อเอง คือ แค่ฟังแค่นี้ก็ต้องไปแล้ว ถ้าใครเคยอ่านเรื่องเก่าๆของเบนก็จะรู้ว่าเบนบ้าเนื้อมากขนาดไหน

https://fovefood.wordpress.com/2013/02/27/ข้อความนี้ส่งตรงถึง-meat-lovers/
https://fovefood.wordpress.com/2013/03/04/meat-lovers-ตอน-2-การย่างเนื้อ/

ด้วยว่าแค่รู้พิกัด เลยไม่ได้จองไปก่อน ไปถึงก็แน่นอน ไม่มีที่นั่ง แต่ด้วยโชค คือเจ้าของร้านนั่งอยู่ แล้วพ่อรู้จัก(ไปทานกับพ่อแม่) เค้าเลยแบ่งโต๊ะให้นั่งด้วย ร้านนี้ตอนนี้มีแค่ไม่กี่โต๊ะ แล้วก็เป็นแบบ outdoor หมด แต่เค้ากำลังต่อเติมห้องแอร์ ตอนนี้เค้าว่าต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อยสองถึงสามวัน ที่จอดรถก็จอดในซอยตามโชคของแต่ละบุคคล

เมนูไม่มี แต่ให้เดินเข้าไปเลือกเนื้อ เพราะเดิมเลย ตั้งใจจะทำเป็นร้านขายเนื้ออย่างเดียว



ตัวเชฟเนื้อเป็นคนฝรั่งเศส เป็นคนทำเรื่องบ่มเนื้อ dry age เองทุกอย่าง มีตู้บ่มเนื้ออยู่ที่ร้าน เค้าแนะนำว่าให้กิน T-bone ซึ่ง Dry age 72 วัน แค่ฟังก็ตื่นเต้นสุดๆแล้ว เพราะ dry age อย่างมากส่วนใหญ่ก็แค่ 45 วัน แต่นี่ โอโหหหห 72 วัน จะไม่ลองได้ไง จัดไป





อีกส่วนที่สั่งไม่รู้ส่วนอะไร เพราะเชฟไม่ยอมบอก บอกว่าเป็นความลับ ให้บรรยายภาพว่า Chef’s Cut



เค้าแนะนำอะไรเราก็ว่าตาม จะไปรู้ดีกว่าเค้าได้ไงละ

สั่งเสร็จก็กลับมารอที่โต๊ะ แล้วก็เดากันเองว่าราคา T-bone น่าจะอยู่ที่ 2,200-3,000 บาทต่อชิ้น

ระหว่างรอก็สั่งของอย่างอื่นมาลองทานเล่นๆ





style ประมาณทำทานเองที่บ้าน แต่ไม่ต้องล้างจาน

รอไม่นาน พร้อมสูดกลิ่นจากอาหารในครัวไปด้วย เพราะนั่งหน้าประตูครัว (ไม่บ่นเพราะมีที่นั่งก็บุญแล้ว)

ในที่สุดก็มา เป็นเนื้อบนกระทะร้อน





ด้วยความที่ว่ามีการคาดหวังกับ Dry-age meat ไว้สูงมาก ก็เลยผิดหวังนิดหน่อย เนื่องจากเนื้อไม่ได้หอมหรือมีรสชาติ intense สมกับการที่บอกว่า dry-age มาเท่าไหร คือตัวเบนเอง ย่างเนื้อทานที่บ้านบ่อยมาก อย่างน้อยๆๆต้องอาทิตย์ละครั้ง เพราะว่าเป็นลูกพ่อโดยแท้จริง พ่อชอบย่างเนื้อทาน แล้วก็ทานแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก เมื่อก่อนพ่อเป็นคนเลือกซื้อเนื้อก็ต้องไปกับพ่อตลอด ตอนนี้เบนเป็นคนซื้อเอง ย่างเอง ไปเมืองนอกร้านไหนขึ้นชื่อเรื่องเนื้อย่างต้องไปกิน มี dry-age ยังไงก็ไม่พลาด ต้องจัด

ที่นี่เค้าใช้เนื้อไทย แต่อย่าเข้าใจผิดว่าเนื้อไทยสู้เนื้อต่างชาติไม่ได้นะคะ เนื้อไทยดีดีเยอะมาก ขึ้นอยู่กับว่ารู้แหล่งและเลือกเป็นรึเปล่า รวมถึงต้องมีเส้นด้วยบางที ของดีราคาถูกใครๆก็แย่งกันซื้อ ส่วนเนื้อฝรั่ง เอาจริงๆ ของดีจริงของเค้า เค้าไม่ส่งออกนอกมาให้เราหรอก ที่มาถึงมือบ้านเราก็ของเกรดรองๆลงมา ไม่ใช่ดีที่สุดของเค้า ดีสุดเค้าก็เก็บไว้กินเองสิ

ส่วนเกลือก็มีความสำคัญมาก ที่บ้านเบนมีเกลือสัก 15 ชนิดได้มั้ง แต่ที่นี้มีแค่เกลือเม็ดเล็กแบบทั่วไป คือพูดตามตรง เนื้อเค้าก็ไม่เสียหาย แค่เบนคิดว่าเบนทำทานเองที่บ้านอร่อยกว่า(เพราะเป็น extream meat lover ที่บ้านมีตู้เย็นแช่เนื้อต่างหาก มีเต่าย่าง เกลือนี้ต้องกินกับเนื้อนี้โน่นนี่ จานต้องร้อน ต้องพักเนื้อ etc คือเรื่องมากสุดๆว่างั้น)

พอเชฟเห็นทานเหลือ ก็เดิมมาถามว่าเป็นไง อร่อยป่าว เบนพยายามคิดในหัวว่าจะตอบกลับไปว่าไงดี เลยตอบกลับไปว่า “It’s ok” chef แทบ shock ทำเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง แต่จะให้พูดว่าไงละ ก็ it’s just ok จริงๆอะ it’s not good but it’s not bad

หลังจากนั้นก็เลยให้เค้าคิดเงิน OMG บิลมาเท่านั้นแหละ จากที่พูดว่า it’s ok พอเห็นบิล เปลี่ยนคำพูดเลย IT’S GREAT compare to the price (คือมันยอดเยี่ยมมากเมื่อเทียบกับราคา) มาทานเนื้อแบบนี้ ทั้งหมดในรูป ราคาแค่ 1,500 บาท ตกแล้วคนละ 500 บาท บ้าไปแล้ว ทานที่บ้านยังแพงกว่านี้เลย T-bone ที่ทายไว้ตอนแรกว่าเกือบสามพันบาท ราคาจริงแค่ 650 บาท

คือถ้าใครไม่โปรย่างเนื้อเองที่บ้าน คือร้านนี้มันสุดยอดมากๆ เนื้อเค้าก็ใช้ได้ แต่ที่บ้าไปแล้วคือราคา เมื่อเทียบคุณภาพกับราคา คือมันเกินคุ้ม แล้วก็ได้ยินมาว่าพวกอาหารทะเลหรือแกะเค้าก็ใช้ได้เหมือนกัน แต่เบนเองยังไม่เคยกิน
ชื่อสินค้า:   Arno's
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
สมาชิกหมายเลข 2426719
Read more...