[Review] [DINING] ARNO’S BUTCHER AND EATERY สเต็กเทพคุณภาพ 5 ดาว ในราคาหลักร้อยจากพ่อครัวที่ NYC
สวัสดีวันศุกร์ค่ะสาวๆ
วันนี้ออนมาชวนสาวๆฟินแบบน้ำลายหยดไปด้วยกันกับ Blog นี้
และต้องขอโทษหากใครกินเจอยู่ด้วยนะคะ เมื่อเกือบๆเดือนก่อน
ออนได้ไปกินที่ร้าน Arno’s Butcher and Eatery ร้านสเต็กเนื้อที่เจ้าของร้าน
คุณ Arno มาเปิดเอง ทำเอง ขายเอง และที่สำคัญยัง Dry-aged เนื้อด้วยตัวเอง
จนได้เนื้อที่อร่อย นุ่ม ละมุนลิ้น พูดไปแค่นี้อาจจะยังไม่ตื่นเต้น แต่จะบอกว่า
คุณ Arno มาจาก New York มีประสบการณ์มากมาย แถวได้ลงนิตยสาร
หนังสือพิมพ์ที่อเมริกาหลายฉบับ บอกเลยว่าฝีมือไม่ธรรมดาค่ะ
Arno’s Butcher and Eatery
ร้านตั้งอยู่ที่ซ.นราธิวาสน์ 20 ตอนเลี้ยวเข้าไปซอยจะเล็กม๊ากกก
แต่จะมีคนช่วยโบกรถให้ ร้านตกแต่งเหมือนอยู่บ้าน ไม่ได้เป็นร้านหรูหราอะไร
ลืมกระซิบว่ากว่าจะได้กินร้านนี้ ช่วงนั้นที่ออนโทรไปจอง
ออนต้องจองล่วงหน้าถึง 2 อาทิตย์เลยทีเดียว เรียกว่าจองนานที่สุด นานกว่า
ร้านอาหาร 5 ดาวในโรงแรมซะอีก
เมื่อเข้ามาถึงที่ร้านหลังจากที่พนักงานแจ้งเบอร์โต๊ะให้แล้ว
เราก็ต้องเดินไปเลือกเนื้อที่ตู้ค่ะ โดยร้านจะเหมือนร้าน Butcher ขายเนื้อท่ัวๆไป
ซึ่งนอกจากเนื้อแล้ว ทางร้านก็ยังมีปลาแซลม่อน เนื้อแกะ กุ้งล็อปสเตอร์
และปลาหมึก ฯลฯ
ที่ร้านจะไม่ได้มีเมนูนะคะ เราเลือกเอาจากตู้เลย ว่าเราอยากได้เนื้อแบบไหน
ขนาดกี่กรัม หรือลองปรึกษาคุณ Arno ก็ได้ว่าเราชอบแบบนี้ จะแนะนำเนื้อแบบไหน
เมื่อสั่งเนื้อแล้วก็มาเลือกซอส และ Side dish กันค่ะ
วันนั้นออนเลือก Truffle sauce ส่วนแฟนออนเลือก Mushroom sauce ค่ะ
สำหรับ Side dish ที่เลือกมาแบ่งกันก็คือ Mashed potatoes หรือมันบดนั่นเอง
ภาพของในตู้ค่ะ
นอกจากเนื้อแล้วก็ยังมีอย่างอื่นด้วยน้า คราวหน้าว่าจะไปลองล็อปสเตอร์ค่ะ
อยากดูว่าจะเด็ดมั้ย
คุณ Arno ในนิตยสาร หนังสือพิมพ์ฝั่งทางอเมริกา
เมื่อมานั่งที่โต๊ะ กระดาษรองจานอาหารก็จะเป็นแบบนี้ค่ะ
มีแต่ละส่วนของน้องวัวบอกอธิบายไว้
เริ่มกันที่ Rump หรือ “สันนอก” ซึ่งส่วนนี้จะอยู่ตรงบั้นท้ายของวัวค่ะ
ปริมาณอยู่ที่ 445 กรัม ส่วนนี้จะไม่ค่อยมันมากเท่าไหร่ เพราะแฟนออนไม่เน้น
เนื้อติดมัน แต่ชอบเนื้อนุ่มๆ แน่นอนว่าความสุกคือระดับ Medium Rare ค่ะ
ออนลองทานส่วนนี้แล้ว อร่อยนะ ทั้งๆที่ออนชอบแบบติดมัน
แต่ขนาดไม่ติดมัน เนื้อยังนุ่ม ชุ่ม และละมุนสุดๆ เวลากินพร้อมกับ
Mushroom sauce นี่ใช้ได้เลย
ตามมาด้วยส่วนที่เรียกว่า Picanha จานนี้อยู่ที่ 390 กรัมค่ะ
ส่วนนี้หลายคนจะไม่ค่อยรู้จัก แต่ถ้าใครชอบกินร้านอาหาร Brazilian บ่อยๆ
น่าจะรู้จักกันแน่นอน ส่วนนี้จะเป็นส่วนตรงก้นเลย ดังนั้นจะมีไขมันเป็นก้อน
ใหญ่ๆอยู่ด้านบน ดังนั้นพอทำสเต็กออกมา เนื้อจะนุ่ม ละมุน ชุ่ม ละลายในปากมากๆ
ใครชอบเนื้อติดมัน แต่ไม่เลี่ยนแนะนำค่ะ อันนี้มันคือดีงาม ดีเว่อร์ ถูกปากสุดๆ
ออนจิ้มเนื้อตัวนี้ทานกับ Truffle sauce คืออร่อย และลองจิ้มสลับกับ
Mushroom sauce ของแฟนก็ดีงาม สรุปแล้วเนื้อมันอร่อย ทุกอย่างก็ดี๊ดี
นี่คือปริมาณเนื้อ
ถ้าสั่งเกตุจานด้านล่างคือเนื้อหายไปครึ่งนึงแล้วนะคะ
ถ้าใครทานเนื้อไม่เยอะ ก็บอกเค้าได้ค่ะว่าประมาณ 200-250 กรัมก็พอ
เพราะของแฟนออนก็ 400 กว่ากรัม ของออนก็ เกือบ 400 กรัม เพราะออนกับแฟน
คือมนุษย์กินเนื้อ ดังนั้นเรากินกันเยอะจริงๆ
นอกจากเนื้อแล้วก็เลยลองสั่ง Lamb Cutlets มาลอง 2 ชิ้น
ซึ่งตัวแกะเค้าจะหมัก Rosemary มาเบาๆ หมักกำลังดี ความสุกระดับ
Medium rare กินเปล่าก็อร่อย กินกับอะไรก็อร่อย บอกเลยว่า
นุ่มเทียบเท่าร้านในโรงแรม 5 ดาวเลยนะ แต่ราคานี่แบบเหยยยย..
ถูกกว่า Wine Connection อีก คือขายได้ไงงงงง????
อื้อหือออ so juicyyyyyy so red .. I die ของจริง
อันนี้คือส่วน Picanha ของออนค่ะ คือโอยยย โอยยยยย ไม่ต้องมีคำบรรยาย
ใดๆซักคำให้ลึกซึ้งเลยเนอะ
ส่วนนี่ก็มันบดเทพ
คืออร่อยมากกก อร่อยมากกกกจริงๆ น่าจะอร่อยเกือบๆที่สุดใน
ชีวิตที่เคยกินมา ทางร้านใช้มันบดจริง ไม่ใช่ Mashed potatoes powder
เพราะกินไปยังเจอเนื้อมันเป็นชิ้นอยู่ คลุกเคล้าด้วยเนย เนย ครีม
และอบด้วยชีส เวลากินชีสก็จะยืด หอม กลมกล่อม อร่อยมากกกกกก
ออนเป็นคนชอบกินมันบด คู่กับสเต็กหรือเนื้อแกะอยู่แล้ว ดังนั้นคือฟิน x 100
จะบอกว่าถ้ามาร้านนี้ต้องทำใจนิดนึงนะคะ
เพราะสเต็กใช้เวลาในการทำ ในการเตรียมต่างๆ บวกกับคนที่เยอะมาก
เพราะเต็มทุกรอบ (อย่างที่บอกว่าต้องนัดล่วงหน้า 2 อาทิตย์เนอะ) ดังนั้น
ไม่ควรมาตอนหิวๆ แต่ควรมาตอนยังไม่หิว เพราะกว่าอาหารจะมาก็จะ
ใช้เวลาประมาณ 30-45 นาทีเลย ดังนั้นหาอะไรรองท้องมา มาแบบสบายๆ
พออาหารมา ก็หิวพร้อมลุยพอดี
ในรูปนี้พอช่วงดึกๆ ลูกค้าซาลง ซักประมาณสามทุ่มครึ่ง
คุณ Arno จะเริ่มเดินมาทักทายลูกค้า ถามความพอใจต่างๆ เป็นกันเองมาก
แนวเชฟฝรั่งจริงๆ ที่เดินมาคุยกับลูกค้าด้วยตัวเอง ออนเลยขอถ่าย
รูปไว้ (แม้หน้าตัวเองจะซีดและโทรมจากการไปงานรับปริญญามาทั้งวันก็ตาม)
ปิดท้ายด้วยไอศกรีมโยเกิร์ตรสส้ม
อันนี้เป็นแนว Homemade คืออร่อยมาก ชอบรสชาติแบบนี้มานานแล้ว
แต่รสชาตินี้หากินยากจริง ที่ไทยเคยมีร้านนึงทำขาย แต่ก็เลิกทำไป เพราะ
คนขายบอกลูกค้าไม่กิน ส่วนออนนี่เป็นแนวชอบกินอาหารฝรั่งเป็นทุนเดิม
ดังนั้นเลยชอบกินอะไรรสชาติฝรั่งๆ และพอเจอไอศกรีมรสนี้คือดีใจมาก
ตามหามานาน อยากกินมานาน ได้กินแล้วววว
ปิดท้ายไปด้วยบิลราคาที่แสนจะตะลึง
เนื้อ 445 กรัม ราคา 600 กว่าบาท
เนื้อ 390 กรัม ราคา 600 กว่าบาท
เนื้อแกะ 2 ชิ้น ราคา 200 กว่าบาท
เหยยยยย คือขายได้ไง เนื้อคุณภาพขนาดนี้ ปริมาณขนาดนี้
ราคาเนื้อชิ้นนึงแบบต่ำๆก็ควรอยู่ที่ 1,500 ขึ้นไปได้แล้ว ด้วยคุณภาพ
และปริมาณ เพราะถ้ากินมื้อแบบนี้ในโรงแรม ยังไงก็ไม่ต่ำไปกว่า
4,000-5,000 แน่นอน แต่นี่ราคารวมกันออกมาคือไม่ถึง 2,000
พร้อมปริมาณและคุณภาพแบบแน่นมากกก
นี่มัน “เนื้อเทพ” ชัดๆ
ไปกินร้านสเต็กทั่วไปตามห้าง เนื้อคุณภาพแย่มากกกกกก แบบไม่ถึง 1 ดาว
ราคายัง 400 กว่าบาทแล้วเลย อันนี้คุณภาพโรงแรม 5 ดาว
ในราคา 600 กว่าบาท คือหาไม่ได้แล้วววววววว
ตอนกำลังจะเขียน Review นี้ แฟนบอกว่า
“เธอ..รีบจองลุง Arno ก่อน เดี๋ยวเธอ Review ไป ก็เต็มอีกอะ” นั่นนนน
เดี๋ยววันนี้จะรีบโทรจองล่วงหน้าก่อนเลย เดี๋ยวเต็ม เดี๋ยวโดนแย่งกิน
เดี๋ยวอดกิน
ยังไงวันนี้จบกันไปเท่านี้นะคะ
เจอกันใหม่ค่า
สวัสดีค่ะ
Disclaimer : This is a non-sponsored post. All opinions are my own.